-ปี ค.ศ. 1617 : จอห์น เนปียร์ (John Napier) ซึ่งเป็นนักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ เขาได้สร้างคิดอุปกรณ์ที่ช่วยในการคูณ การหาร ก็คือถอดกรณฑ์ให้ง่ายขึ้น เขาได้เรียกสิ่งประดิษยชนิดนี้ว่า ตารางลอกการิทึม หรือ Napier's bone
-ปีถัดมา : วิลเลียม ออกเกด (Willium Ougtred) ซึ่งเป็นนักคณิตศาสตร์ ชาวอังกฤษ เขาได้ทำการผลิตไม้บรรทัดคำนวณ (Slide Rule) เพื่อช่วยในการคูณ ซึ่งนิยมใช้กันมากในงานด้านวิศวกรรมและงานด้านวิทยาศาสตร์ต่างๆ
-ปี ค.ศ. 1623 : เบล์ส ปาสคาล (Blaise Pascal) เป็นนักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ ชาวผรั่งเศส เขาได้ถูกขึ้นชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้คิดค้นและผู้ประดิษฐ์เครื่องคิดเลขเครื่องแรกของโลก ซึ่งก็คือเครื่องจักรกลที่สามารถบวกและลบได้ในรูปแบบของจำนวนเลขฐานสิบ โดยใช้ฟันเฟืองเป็นตัวทดกันได้ 8 ตัว วางขนานเป็นแนวนอน
โดยตำแหน่งของวงล้อนี้จะมองเห็นจากภายนอก ส่วนตัวเลขจะไปปรากฎที่ฝาครอบวงล้อ แต่ละวงจะมีฟันเฟืองอยู่ 10 อัน ซึ่งแต่ละอันจะแทนเลข 1 หลักนั่นเอง ดังนั้น เมื่อเฟืองหมุนครบ 10 ก็จะมาเริ่มต้นที่ 0 ใหม่ แล้วทำให้เฟืองที่อยู่ถัดไปหมุน 1 หลัก ซึ่งเป็นการทดเลขขึ้นไปนั่นเอง จากการทำงานของเครื่องบวกเลขนี้ เป็นหลักการเช่นเดียวกับการวัดระยะทาง ตามที่ปรากฏบนหน้าปัทม์รถยนต์ทั่วๆไป
ปี ค.ศ. 1646 : กอทฟริด วิลเฮลม ลิปนิซ (Gottfried Wilhelm Leibniz) นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ได้ประดิษฐ์เครื่องคำนวณที่สามารถคูณ หารและหารากที่สอง เรียกเครื่องมือชนิดนี้ว่า อาริทโมมิเตอร์ (Arithmometer Machine)
จากนั้นหลายร้อยปี วิวัฒนาการก็เดินทางต่อมาเรื่อยๆ จนถึงยุคของวิลเลี่ยม สเวียด เบอร์ร็อคส์ (William Seward Burroughs) เขาได้ประดิษฐ์เครื่องมือในการคำนวณ ขึ้นมาเป็นครั้งแรก และยื่นจดทะเบียนสิทธิบัตรในปี 1885 สำหรับ 'Calculating Machine' ซึ่งได้สิทธิบัตรในปี 1888 และได้สร้างระบบการคำนวณสำหรับธนาคารในยุคนั้นขึ้นมา
ต่อมาหลังจากวิลเลี่ยมเสียชีวิตไปแล้วบริษัทของตระกูลเขาก็ยังคงพัฒนาระบบการคำนวณที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
การพัฒนาและการคิดค้นเครื่องมือคำนวณของคนเก่าแก่ในสมัยนั้นได้ทำให้หลายคน ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จนมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น
และในช่วงปี 1970 หรือ 42 ปีมานี้เอง บริษัทที่ประดิษฐ์ก็คือบริษัทเทคโนโลยีชื่อก้องโลก อย่าง Texas Instruments, Incorporated (TI) สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1966 โดยทีมงานอย่าง Jerry D. Merryman, James H. Van Tassel และ Jack St.Clair Kilby โดยทั้งหมดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากจินตนาการและความคิดของคนสมัยก่อนมา ต่อยอดแทบทั้งสิ้น